โป๊กเกอร์เป็นเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมสูงมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่ในอีกฟากหนึ่งของโลกอย่างประเทศไทย โป๊กเกอร์กลับเป็นเกมคาสิโนที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก หนึ่งในเหตุผลคือผู้เล่นคาสิโนออนไลน์ในประเทศไทยอาจจะยังไม่รู้จักไพ่ชื่อดังนี้ดีพอ อีกทั้งเกมไพ่เกมนี้ดูเป็นเกมที่เล่นยากและมีกติกาที่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับเกมคาสิโนเกมอื่น ๆ อย่างบาคาร่าหรือไฮโล หรือว่าการเล่นสล็อตที่ได้เงินไว จบเกมไว แถมยังมีโบนัสแถมมาด้วย ซึ่งเป็นคนละรูปแบบกับโป๊กเกอร์
เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเล่นโป๊กเกอร์ทั้งหมด ผู้เล่นคาสิโนออนไลน์จะได้เรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับโป๊กเกอร์ ทั้งกฎ กติกาในการเล่น รูปแบบการเดิมพันและอัตราการจ่ายเงิน นอกเหนือจากบทความที่เราได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องกลยุทธ์การเล่นโป๊กเกอร์
ศึกษากฎและวิธีการเล่นโป๊กเกอร์
วิธีการเล่นโป๊กเกอร์อาจจะฟังดูยากและซับซ้อน แต่คุณทราบหรือไม่ว่า เกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นมีวิธีการเล่นคล้าย ๆ เกมไพ่รัมมี่ (Rummy) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นชาวไทยว่า ‘ดัมมี่’ ซึ่งเป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมและเล่นกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย
และคุณทราบอีกหรือไม่ว่า เกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นเล่นง่ายกว่าเกมไพ่ดัมมี่ มีความซับซ้อนน้อยกว่าและใช้การคิดคำนวณน้อยกว่า หากคุณมีประสบการณ์ในการเล่นเกมดัมมี่มาก่อน เกมไพ่โป๊กเกอร์คือเกมหมูๆ สำหรับคุณอย่างแน่นอน โดยหากผู้เล่นคาสิโนชาวไทยต้องการอ่านบทนำเรื่องโป๊กเกอร์ เราก็มีบทความเรื่องโป๊กเกอร์เขียนไว้ที่นี่
เป้าหมายหลักในการเล่นโป๊กเกอร์
เช่นเดียวกับเกมไพ่เกมอื่น ๆ เป้าหมายหลักในการเล่นคือการเป็นผู้ชนะในโต๊ะ ซึ่งในเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้น การที่จะเป็นผู้ชนะในโต๊ะคือคุณจะต้องรวมไพ่ 2 ใบที่มีในมือเข้ากับไพ่กองกลางอีก 3 ใบให้ได้ตามกฎและต้องได้แต้มไพ่ที่ดีที่สุดในโต๊ะ ซึ่งวิธีการได้มาซึ่งไพ่ที่ดีที่สุดนั้น คุณจะต้องจั่วไพ่ หมอบหรือเกทับ
ลำดับแต้มไพ่โป๊กเกอร์และอัตราการจ่าย
ด้านล่างนี้คือลำดับแต้มไพ่โป๊กเกอร์ที่ดีที่สุด ยิ่งคุณสามารถสร้างไพ่ในมือ 2 ใบรวมกับไพ่กองกลางอีก 3 ใบได้ดีมากเท่าใด อัตราการจ่ายเงินก็จะยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งมีดังต่อไปนี้:
Pre-flop, Flop, Turn, River และ Showdown คืออะไร
ในเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นจะมีคำศัพท์หลัก ๆ 3 คำศัพท์ที่คุณจำเป็นต้องรู้ โดยคำศัพท์แต่ละคำจะเป็นคำเรียกสถานการณ์ในเกมช่วงหลังพรีฟลอป (Post-Flop) ซึ่งจะเรียงลำดับกันดังต่อไปนี้
- พรีฟลอป (Pre-flop) – เป็นช่วงก่อนฟลอปนั่นเอง โดยหมายถึงไพ่กงอกลาง 3 ใบแรก การลงรอบแรกเรียกว่ารอบพรีฟลอป
- ฟลอป (Flop) – เป็นช่วงที่เจ้ามือจั่วไพ่และเปิดไพ่กองกลาง 3 ใบแรก ซึ่งในขั้นตอนนี้ ผู้เล่นจะต้องนำไพ่กองกลางทั้ง 3 ใบมาเรียงเทียบกับไพ่ 2 ใบในมือว่าสามารถรวมกลุ่มกันได้หรือไม่และพอจะสู้ไหวหรือเปล่า หากผู้เล่นพบว่าไพ่ 2 ใบในมือนั้นไม่เข้ากลุ่มกับไพ่กองกลางเลย ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะหมอบ (Fold) หรือผู้เล่นพบว่าไพ่ 2 ใบในมือนั้นดีมาก ๆ และสามารถรวมกลุ่มกับไพ่กองกลางได้แน่ ๆ ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเกทับ (Raise) ได้
- เทิร์น (Turn) – ไพ่กองกลางใบที่ 4 ที่เจ้ามือจั่วเพิ่มและเปิดมา ซึ่งถ้าหากผู้เล่นพบว่าไพ่ 2 ใบในมือนั้นไม่เข้ากลุ่มกับไพ่กองกลางเลย ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะหมอบ หรือถ้าหากผู้เล่นพบว่าไพ่ 2 ใบในมือนั้นดีมาก ๆ และสามารถรวมกลุ่มกับไพ่กองกลางได้แน่ ๆ ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเกทับในขั้นตอนนี้ได้เช่นกัน
- ริเวอร์ (River) – ไพ่กองกลางใบที่ 5 ที่เจ้ามือจั่วเพิ่มออกมา ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเกทับเงินเดิมพันเพิ่มได้หากผู้เล่นมั่นใจว่าไพ่ 2 ใบในมือรวมกับไพ่กองกลาง 3 ใน 5 ใบแล้วได้ไพ่แต้มดีแน่ ๆ หรือผู้เล่นสามารถเลือกที่จะหมอบได้เช่นกัน จากนั้น เจ้ามือจะเรียกให้ผู้เล่นทุกคนเปิดไพ่ในมือของตนเอง (Showdown) เพื่อตรวจสอบว่าไพ่ในมือของผู้เล่นคนใดได้แต้มไพ่ดีที่สุด ซึ่งผู้ที่ได้แต้มไพ่ดีที่สุดจะชนะและได้เงินในตานั้น
- โชว์ดาวน์ (Showdown) – คือสถานการณ์ที่หากยังมีผู้เล่นเหลืออยู่มากกว่า 1 คน หลังจากการเล่นรอบสุดท้ายแล้ว และคนสุดท้ายนั้นจะเปิดไพ่เดิมพันของตัวเองก่อน แล้วคนอื่นก็จะเปิดไพ่ตามกันไป ทิศทางตามเข็มนาฬิกาเพื่อดูเทียบมือกันว่าใครจะชนะ
*หากผู้เล่นเลือกที่จะหมอบในขั้นตอนฟลอป ผู้เล่นจะไม่เสียเงินเดิมพันใด ๆ แต่ถ้าผู้เล่นเลือกที่จะหมอบในขั้นตอนที่เหลือ ผู้เล่นจะเสียเงินเดิมพันครึ่งหนึ่ง
Dealer Button คืออะไร
เมื่อคุณเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ในบ่อนคาสิโน คุณจะสามารถสังเกตุเห็นได้ว่าจะมีเหรียญกลม ๆ วางวนผู้เล่นแต่ละคนตามเข็มนาฬิกา ซึ่งนี่แหละคือดีลเลอร์ บัทท่อน (Dealer Button) เป็นเครื่องมือที่ใช้ระบุตำแหน่งผู้เล่นบนโต๊ะว่าคนใดคือเจ้ามือ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เหรียญดังกล่าววนมาที่ตนเอง ผู้เล่นคนนั้นจะต้องทำหน้าที่สับไพ่และแจกไพ่ในตานั้น
ซึ่งนอกจากดีลเลอร์ บัทท่อนแล้ว เกมไพ่โป๊กเกอร์ยังมีคำเรียกตำแหน่งที่สำคัญอีกคำหนึ่งก็คือ คัทออฟ (Cut Off) ซึ่งหมายถึงคนตัดไพ่ เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ตัดไพ่เมื่อเจ้ามือสับไพ่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หากคุณเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ออนไลน์คุณจะไม่พบ 2 ตำแหน่งนี้ในเกมแต่ปุ่ม ‘Dealer Button’ จะยังคงอยู่และจะถูกนำไปใช้กับ Big Blind และ Small Blind เท่านั้น เพราะกระบวนการทั้งหมดจะกระทำโดยเจ้ามือของผู้ให้บริการเองและผู้เล่นมีหน้าที่เล่นเกมเท่านั้น
Big Blind และ Small Blind คืออะไร
บิ๊กไบลนด์ (Big Blind) และสมอลล์ ไบลนด์ (Small Blind) เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกเงินเดิมพันและเป็นชื่อตำแหน่งในเกมไพ่โป๊กเกอร์ซึ่งจะอยู่ติดกันและจะเรียงจากผู้เล่นที่อยู่ด้านซ้ายมือของเจ้ามือที่ได้รับดีลเลอร์ บัทท่อน วนไปเรื่อย ๆ ตามเข็มนาฬิกา ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกมเล่นนานจนเกินไป
ไบลนด์ทั้งสองนั้นจะมีการกำหนดเงินเดิมพันเอาไว้ ซึ่งสมอลล์ ไบลนด์ จะน้อยกว่าบิ๊ก ไบลนด์ ครึ่งหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่น บิ๊กไบลนด์กำหนดเงินเดิมพันที่ 100 บาทและคุณได้ตำแหน่งบิ๊กไบลนด์ในตานั้นพอดีและต้องการสู้ต่อในขั้นตอนฟลอป เทิร์นหรือริเวอร์ คุณจะต้องวางเงินเดิมพัน 100 บาท แต่ถ้าคุณต้องการเกทับ (Raise) คุณจะต้องวางเงินเดิมพัน 2 เท่าตัวนั่นก็คือ 200 บาท แต่ถ้าคุณได้รับตำแหน่งสมอลล์ ไบลนด์ และคุณต้องการจะสู้ คุณจะต้องวางเงินเดิมพัน 50 บาท แต่ถ้าหากคุณต้องการเกทับ คุณจะต้องวางเงินเดิมพัน 100 บาท
No Limit, Pot Limit และ Limit คืออะไร
โดยปกติแล้วเกมไพ่โป๊กเกอร์หลัก ๆ จะมีทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ No Limit, Pot Limit และ Limit ซึ่งเกมโป๊กเกอร์แต่ละแบบจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
- โป๊กเกอร์แบบไม่มีลิมิต (No Limit Poker)
ผู้เล่นสามารถวางเงินเดิมพันหรือเกทับด้วยจำนวนเงินเดิมพันมากเท่าใดก็ได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องสนใจไบลนด์
- โป๊กเกอร์เงินกองกลางแบบลิมิต (Pot Limit Poker)
ผู้เล่นสามารถวางเงินเดิมพันหรือเกทับด้วยจำนวนเงินเดิมพันมากเท่าใดก็ได้ตามที่ต้องการแต่ต้องไม่ทำให้จำนวนเงินกองกลางเกินกว่าที่กำหนด
- โป๊กเกอร์แบบลิมิต (Limit Poker)
ผู้เล่นสามารถวางเงินเดิมพันหรือเกทับตามที่ไบลนด์กำหนดเท่านั้น
ประเภทกฎในการเล่นโป๊กเกอร์
อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจจะทำให้ผู้เล่นชาวไทยไม่สนใจหรือไม่ค่อยจะนิยมเกมไพ่โป๊กเกอร์เท่าใดนักและเลือกที่จะไปเล่นเกมคาสิโนเกมอื่นแทนก็เพราะว่าเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นมีความซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตัวเลือกในการเดิมพัน เพราะไพ่โป๊กเกอร์ไม่ได้มีตัวเลือกในการเดิมพันเพียงแค่ จั่ว หมอบ หรือเกทับเท่านั้นแต่เป็นประเภทการเดิมพันที่มีมากถึง 7 ประเภท ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- Value Bet – การวางเงินเดิมพันเพิ่มด้วยจำนวนเงินครึ่งหนึ่งของเงินกองกลาง (Pot)
- Continuation Bet (C-Bet) – การวางเงินเดิมพันเพิ่มด้วยจำนวนที่มากเท่ากับจำนวนบิ๊กไบลนด์ในขั้นตอนพลีฟลอปหรือฟลอป
- Probe Bet – การวางเงินเดิมพันเพิ่มเพื่อเกทับในขั้นตอนพรีฟลอปด้วยจำนวนเงินเท่าบิ๊กไบลนด์
- Slow Play – การวางเงินเดิมพันเพื่อเกทับในตอนที่เจ้ามือเรียกดูไพ่ในขั้นริเวอร์ด้วยจำนวนเงินเท่าบิ๊กไบลนด์
- Over Bet – การวางเงินเดิมพันเพื่อเกทับด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าเงินกองกลาง 2 เท่าตัว
- Pot Bet – การวางเงินเดิมพันเพื่อเกทับด้วยจำนวนเงินที่เท่ากับเงินกองกลาง
- Three-Bet – การวางเงินเดิมพันเพื่อเกทับในขั้นตอนพรีฟลอปด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าเงินกองกลาง 3 เท่าตัว
ประเภทการเดิมพันขั้นพื้นฐานของเกมไพ่โป๊กเกอร์
ตัวเลือกในการเดิมพัน 7 ตัวเลือกข้างต้นนั้นอาจจะสร้างความปวดหัวและความงุนงงให้กับคุณได้ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นผู้เล่นมือใหม่และยังมีประสบการณ์ในการเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ไม่มากเท่าใดนัก คุณสามารถใช้ตัวเลือกในการเดิมพันขั้นพื้นฐาน 4 ตัวเลือกด้านล่างนี้ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
Call
วางเงินเดิมพันเพิ่มเพื่อผ่านไปยังขั้นตอนฟลอป เทิร์นและริเวอร์
Raise
เกทับเมื่อผู้เล่นมั่นใจว่าไพ่ในมือของตนเองนั้นดีกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ บนโต๊ะอย่างแน่นอน
Fold
หมอบเมื่อผู้เล่นพบว่าไพ่ในมือของตนเองนั้นแย่มากและไม่สามารถสู้ต่อไปได้
All in
เมื่อผู้เล่นมั่นใจว่าไพ่ในมือของตนเองนั้นดีกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ บนโต๊ะอย่างแน่นอน ผู้เล่นสามารถเทเงินหมดหน้าตักที่มี
อัตราต่อรองและการจ่ายเงินของโป๊กเกอร์
ก่อนจะเริ่มเล่นโป๊กเกอร์ด้วยเงินจริง คุณต้องเข้าใจอัตราการต่อรองและการจ่ายเงินก่อน โดยเราทำเป็นตารางดังนี้
out (การเรียกไพ่ที่เหลือในสำรับ ที่จะช่วยให้ complete hands) | ความเป็นไปได้ที่จะโดน Flop ไป Turn | ความเป็นไปได้ที่จะโดน Turn ไป River | ความเป็นไปได้ที่จะโดย Turn และ River |
---|---|---|---|
20 | 1.35 ต่อ 1 | 1.30 ต่อ 1 | 0.48 ต่อ 1 |
19 | 1.47 ต่อ 1 | 1.42 ต่อ 1 | 0.54 ต่อ 1 |
18 | 1.61 ต่อ 1 | 1.56 ต่อ 1 | 0.6 ต่อ 1 |
17 | 1.77 ต่อ 1 | 1.71 ต่อ 1 | 0.67 ต่อ 1 |
16 | 1.94 ต่อ 1 | 1.88 ต่อ 1 | 0.75 ต่อ 1 |
15 | 2.13 ต่อ 1 | 2.07 ต่อ 1 | 0.85 ต่อ 1 |
14 | 2.36 ต่อ 1 | 2.29 ต่อ 1 | 0.95 ต่อ 1 |
13 | 2.62 ต่อ 1 | 2.54 ต่อ 1 | 1.08 ต่อ 1 |
12 | 2.92 ต่อ 1 | 2.83 ต่อ 1 | 1.22 ต่อ 1 |
11 | 3.27 ต่อ 1 | 3.18 ต่อ 1 | 1.40 ต่อ 1 |
10 | 3.7 ต่อ 1 | 3.6 ต่อ 1 | 1.6 ต่อ 1 |
9 | 4.22 ต่อ 1 | 4.11 ต่อ 1 | 1.86 ต่อ 1 |
8 | 4.88 ต่อ 1 | 4.75 ต่อ 1 | 2.17 ต่อ 1 |
7 | 5.77 ต่อ 1 | 5.57 ต่อ 1 | 2.6 ต่อ 1 |
6 | 6.83 ต่อ 1 | 6.67 ต่อ 1 | 3.15 ต่อ 1 |
5 | 8.4 ต่อ 1 | 8.2 ต่อ 1 | 3.93 ต่อ 1 |
4 | 10.75 ต่อ 1 | 10.5 ต่อ 1 | 5.06 ต่อ 1 |
3 | 14.67 ต่อ 1 | 14.33 ต่อ 1 | 7 ต่อ 1 |
2 | 22.5 ต่อ 1 | 22 ต่อ 1 | 10.9 ต่อ 1 |
1 | 46 ต่อ 1 | 45 ต่อ 1 | 22.26 ต่อ 1 |
โป๊กเกอร์ประเภทต่างๆ
ด้วยความที่เกมไพ่โป๊กเกอร์ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่งผลให้เกิดเกมไพ่โป๊กเกอร์เวอร์ชั่นต่าง ๆ กว่า 20+ เวอร์ชั่นด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เราได้คัดสรรค์เกมไพ่โป๊กเกอร์เวอร์ชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีความน่าสนใจและคุณสามารถพบเห็นและเล่นได้ตามคาสิโนออนไลน์ทั่วไป ซึ่งมีทั้งหมด 3 เกมด้วยกัน ดังต่อไปนี้
- Texas Hold’em Poker
Texas Hold’em Poker เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์เวอร์ชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดและถูกเล่นกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ซึ่งวิธีการเล่นนั้น ผู้เล่นจะต้องรวมไพ่ของตนเข้ากับไพ่กองกลางเพื่อให้ได้ไพ่ 5 ใบที่ดีที่สุดและได้แต้มสูงที่สุดเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะในตานั้น ซึ่งเราได้เขียนรีวิวไว้แล้วอย่างละเอียดที่นี่
- Ohama Poker
เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์เวอร์ชั่นที่ได้รับความนิยมในคาสิโนออนไลน์ในยุโรปและมีวิธีการเล่นคล้าย ๆ Texas Hold’em Poker แต่ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 4 ใบและต้องรวมไปกองกลางอีก 1 ใบเพื่อสร้างไพ่ที่มีแต้มดีที่สุดและได้แต้มสูงสุดเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะในตานั้น
- Side Bet City
เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์เวอร์ชั่นพิเศษมาใหม่ล่าสุดที่สร้างโดยค่าย Evolution Gaming ซึ่งจะใช้กฎไพ่โป๊กเกอร์ 7 ใบ (7-Cards Poker) แต่จะไม่มีการจั่ว หมอบหรือเกทับใด ๆ แต่จะเป็นการเดิมพันเพื่อทายผลว่าไพ่ 7 ใบที่เจ้ามือจั่วมาวางเรียงกันนั้นจะได้ไพ่กลุ่มอะไร เช่น ฟลัช รอยัลฟลัช สเตรท ฯลฯ โดยผู้เล่นจะมีตัวเลือกในการเดิมพันคือ 3 Cards, 5 Cards, 7 Cards และ No Cards เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์เวอร์ชั่นพิเศษที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งและเราอยากแนะนำ
วิธีเล่นโป๊กเกอร์ – การเล่นแต่ละรอบ
สำหรับวิธีการเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ พรีฟลอป (Pre-Flop) และฟลอป (Flop) ซึ่งในช่วงฟลอปจะมีช่วงแยกย่อยออกมาอีก ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- ขั้นตอนที่ 1 – ลงเงิน
ให้เลือกวิธีการชำระเงินของคาสิโนแต่ละที่ เพื่อให้มีทุนก่อน
- ขั้นตอนที่ 2 – ลงเดิมพัน
ในขั้นตอนนี้เจ้ามือจะทำการจั่วไพ่แจกให้ผู้เล่นคนละ 2 ใบก่อน เมื่อผู้เล่นดูไพ่ในมือแล้ว ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะ Call เพื่อไปต่อหรือจะ Fold เพื่อหมอบแล้วยอมแพ้ในรอบนั้น ซึ่งในขั้นตอนนี้ ไพ่กองกลางจะยังไม่ถูกจั่วหรือถูกเปิดสักใบ
- ขั้นตอนที่ 3 – การจั่ว
ในขั้นตอนนี้เจ้ามือจะทำการจั่วไพ่กองกลางออกมา 3 ใบ ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะสู้ต่อได้ด้วยการ Call, Raise หรือ All-In หากผู้เล่นมั่นใจว่าไพ่ 2 ใบในมือนั้นสามารถรวมกับไพ่กองกลางได้ หรือผู้เล่นเลือกที่จะหมอบเพื่อยอมแพ้ก็ได้ในขั้นตอนนี้
- ขั้นตอนที่ 4 – ลงมือวางกลยุทธ์การเล่น
เกมจะไปสู่ขั้นตอนเทิร์น ซึ่งเจ้ามือจะทำการจั่วไพ่กองกลางใบที่ 4 เพิ่ม ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะสู้ต่อได้ด้วยการ Call, Raise หรือ All-In หากผู้เล่นมั่นใจว่าไพ่ 2 ใบในมือนั้นสามารถรวมกับไพ่กองกลางได้และได้แต้มไพ่ดีที่สุดในโต๊ะ หรือผู้เล่นเลือกที่จะ Fold เพื่อยอมแพ้ได้เช่นกัน
เกมจะไปสู่ขั้นตอนริเวอร์ เจ้ามือจะทำการจั่วไพ่กองกลางใบที่ 5 ออกมา และแน่นอนว่าผู้เล่นสามารถเลือกที่จะไปต่อด้วยการ Call, Raise, All-In หรือ Fold ได้เช่นกัน
- ขั้นตอนที่ 5 – ไพ่ทั้งหมดจะถูกเปิด
เจ้ามือจะเรียกเปิดไพ่ของผู้เล่นทุกคนเพื่อตรวจสอบว่าผู้เล่นคนใดได้แต้มไพ่ดีที่สุด
- ขั้นตอนที่ 6 – เก็บเงินที่ชนะแล้วเล่นต่อ
ให้เล่นต่อได้เลยหากชนะ และจะมีอัตราการจ่ายเงินตามที่อธิบายไปข้างต้น
บทสรุปการเล่นโป๊กเกอร์
หากต้องการศึกษาเรื่องโป๊กเกอร์ให้ดีขึ้น ผู้เล่นคาสิโนออนไลน์ชาวไทยสามารถเล่นแบบทดลอง หรือศึกษาบทความต่างๆ ซึ่งเราได้เขียนไว้เกี่ยวกับโป๊กเกอร์ที่นี่ เพื่อฝึกกลยุทธ์ต่อไป