ในการเล่นแบล็คแจ็ค นอกเหนือไปจากดวงที่ดีและทักษะที่ชำนาญแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ผู้เล่นไปสู่ชัยชนะและคว้าเงินรางวัลได้สำเร็จก็คือกลยุทธ์ เพราะกลยุทธ์เปรียบเสมือนอาวุธพิเศษที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถคว้าชัยได้เร็วมากขึ้นหรือง่ายมากขึ้น
มาเล่นแบล็คแจ็คพร้อมศึกษาโบนัสคาสิโนได้ที่นี่ พร้อมรีวิวคาสิโนออนไลน์ในประเทศไทยของเรา
สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จากคู่มือกลยุทธ์แบล็คแจ็คของเรา
เราได้รวบรวมกลยุทธ์วิธีการเล่นแบล็คแจ็คอย่างไรให้ได้เงิน มีทั้งกลยุทธ์สำหรับผู้เล่นที่เพิ่งจะเริ่มต้นและกลยุทธ์สำหรับสำหรับผู้เล่นชั้นเซียนที่มากประสบการณ์ ซึ่งคุณสามารถศึกษากลยุทธ์ต่าง ๆ และนำไปปรับใช้กับสไตล์การเล่นของคุณได้อย่างอิสระ
4 ข้อสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามในการเล่นแบล็คแจ็ค
หากคุณเป็นผู้เล่นมือใหม่หรือพอจะรู้จัก เข้าใจหรือเคยเล่นเกมแบล็คแจ็คมาบ้าง ก่อนที่คุณจะใช้กลยุทธ์ของเรา โปรดอย่ามองข้ามสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- โปรดศึกษากฎและวิธีการเล่นแบล็คแจ็คให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการนับแต้มไพ่ รวมไปถึงคุณควรทราบว่าเมื่อใดที่คุณควรจั่วไพ่เพิ่มหรืออยู่รอ
- แบล็คแจ็คเป็นเกมคาสิโนที่มีหลากหลายประเภท ซึ่งเกมแต่ละประเภทนั้นจะมีกฎเฉพาะที่แตกต่างกัน
- ควรกำหนดงบประมาณในการเล่นแบล็คแจ็คอย่างรัดกุม ทั้งเป้าหมายกำไรและยอดเล่นเสียที่คุณสามารถทำใจยอมรับได้
- นอกจากเงินแล้ว คุณควรกำหนดระยะเวลาในการเล่นแบล็คแจ็คอย่างรัดกุมเช่นเดียวกัน ควรเล่นอย่างมีสติ เล่นเพื่อความสนุกและเล่นอย่างมีความรับผิดชอบ
กลยุทธ์การเล่นแบล็คแจ็คขั้นพื้นฐาน
กลยุทธ์ในการเล่นแบล็คแจ็คขั้นพื้นฐานเป็นกลยุทธ์ที่ว่า ผู้เล่นควรจะทำอะไรและควรทำในช่วงเวลาใด ซึ่งมีดังต่อไปนี้
เมื่อใดควรจั่วหรืออยู่รอ เวลาเล่นแบล็คแจ็ค
จุดมุ่งหมายในการเล่นแบล็คแจ็คทุกประเภทคือ ผู้เล่นจะต้องสร้างไพ่ในมือที่มีแต้มดีที่สุดและมากกว่าเจ้ามือ ซึ่งแต้มที่ดีที่สุดที่ว่านี้คือ 21 แต้มหรือแต้มไพ่ที่เข้าใกล้ 21 แต้มมากที่สุดแต่ต้องไม่เกินกว่านั้นมิเช่นนั้นจะถูกปรับแพ้ (Bust) ทันที โดยผู้เล่นจะมี 2 ตัวเลือกคือจั่ว (Hit) ไพ่เพิ่มหรืออยู่รอ (Stand)
แล้วเมื่อใดควรจะจั่วไพ่เพิ่มหรืออยู่รอ เวลาเล่นแบล็คแจ็ค?
- ผู้เล่นควรเลือกที่จะจั่วไพ่เพิ่มหากพบว่าแต้มไพ่รวม 2 ใบแรกในมือนั้นต่ำกว่า 13 แต้ม
- หากไพ่ 2 ใบแรกในมือของผู้เล่นมีแต้มรวมระหว่าง 13-17 แต้ม ผู้เล่นยังสามารถจั่วไพ่เพิ่มได้อยู่ แต่ก่อนที่ผู้เล่นจะตัดสินใจจั่วไพ่เพิ่ม โปรดสังเกตว่าไพ่แต้มสูง ๆ อย่าง 7, 8, 9, J, Q และ K นั้นออกมาเยอะหรือยังเพราะนี่มีความเสี่ยงสูงที่จั่วไพ่เพิ่มแล้วจะเกิน 21 แต้ม
- หากผู้เล่นได้แต้ม 18 แต้มขึ้นไปควรจะหยุดรอและไม่ควรจั่วไพ่เพิ่มเป็นอย่างยิ่งแม้ไพ่แต้มสูง ๆ จะออกมาแล้วก็ตาม
- แบล็คแจ็คบางประเภท เช่น แบล็คแจ็คอเมริกัน (American Blackjack) จะมีกฎไพ่เอซ ซึ่งโดยปกติแล้วไพ่เอซมีค่าเป็น 1 แต้ม แต่ถ้าถ้าหากผู้เล่นได้รับไพ่เอซ + ไพ่หน้า J, Q หรือ K จะนับว่าเป็น 21 แต้มหรือไพ่แบล็คแจ็คโดยอัตโนมัติ หากผู้เล่นได้ไพ่เอซ + ไพ่หน้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ J, Q หรือ K ผู้เล่นสามารถตัดสินใจจั่วไพ่เพิ่มได้ทันที
เมื่อใดควรเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่า เวลาเล่นแบล็คแจ็ค
นอกเหนือไปจากตัวเลือกหลักที่เป็นจั่วหรืออยู่รอแล้ว แบล็คแจ็คยังมีตัวเลือกเสริมคือเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่า (Double Down) เป็นการกระทำที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นมั่นใจว่าแต้มไพ่ในมือของตนนั้นดีที่สุดและสามารถเอาชนะเจ้ามือได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การเพิ่มเงินเดิมพัน 2 เท่านั้นสามารถทำได้หลังจากที่ผู้เล่นได้รับไพ่ 2 ใบแรกจากเจ้ามือแล้วเท่านั้น
ผู้เล่นควรจะมีแต้มไพ่เท่าใดหากต้องการเพิ่มเงินเดิมพัน 2 เท่า?
- ได้ไพ่เอซ + ไพ่ J, Q หรือ K
- ได้แต้ม 19-20 แต้ม
*หากผู้เล่นไม่ได้ไพ่ดังกล่าวข้างต้น ผู้เล่นยังคงสามารถเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าได้อยู่แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่เจ้ามือจะได้แต้มไพ่สูงกว่าหรือได้แต้มไพ่เสมอ แต่ถ้าหากผู้เล่นนับไพ่บนโต๊ะ มั่นใจว่าจะชนะและสามารถรับความเสี่ยงว่าจะเสียเงิน 2 เท่าได้ ผู้เล่นก็สามารถทำการเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าได้เสมอเพราะไม่มีกฎห้ามใด ๆ
ทำไมต้องแยกไพ่เป็น 2 กอง เวลาเล่นแบล็คแจ็ค
นอกจากการเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าตัวแล้ว ผู้เล่นยังมีตัวเลือกเสริมนั่นก็คือ การแยกไพ่ออกเป็น 2 กอง (Split Pairs) ซึ่งผู้เล่นสามารถทำได้หลังจากที่ผู้เล่นได้รับไพ่ 2 ใบแรกที่มีหน้าเหมือนกันจากเจ้ามือแล้วเท่านั้น ไม่สามารถทำได้ในภายหลัง และหลังจากที่ผู้เล่นแยกไพ่ออกเป็น 2 กองแล้ว ผู้เล่นจะต้องวางเงินเดิมพันเพิ่มในจำนวนเท่าเดิมสำหรับกองไพ่ที่แยกออกมา และผู้เล่นสามารถจั่วหรือหยุดรอไพ่ได้ตามอิสระ (เช่น กองนึงจั่วเพิ่ม อีกกองหยุดรอ เป็นต้น)
เมื่อใดควรแยกไพ่ออกเป็น 2 กอง
- ได้ทุกเมื่อยกเว้นไพ่ J, Q หรือ K เพราะผลรวมแต้มไพ่นั้นเท่ากับ 20 แต้มแล้ว
กฎไพ่ 17 แต้ม
นอกเหนือไปจากที่ผู้เล่นได้ไพ่เอซ + J, Q หรือ K จะมีค่าเป็น 21 แต้มแล้ว แบล็คแจ็คก็มีกฎของไพ่เอซอีกหนึ่งข้อนั่นก็คือ กฎไพ่ 17 แต้ม (Soft 17) ซึ่งในทางกลับกัน ถ้าหากเจ้ามือได้ไพ่เอซเช่นเดียวกันแต่เป็นเอซ + ไพ่หน้า 6 ผลก็คือ แทนที่เจ้ามือจะมี 7 แต้มแต่เกมจะนับเป็น 17 แต้มแทน เป็นกฎที่เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบของเจ้ามือขึ้นเล็กน้อย เพราะเจ้ามือมีโอกาสจั่วไพ่เพิ่มและได้ 19, 20 หรือ 21 แต้ม
ควรยอมแพ้เมื่อใด
อีกหนึ่งตัวเลือกเสริมของเกมแบล็คแจ็คคือ การยอมแพ้ (Surrender) โดยผู้เล่นสามารถเลือกที่จะยอมแพ้ได้เมื่อเจ้ามือเปิดไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือออกมาแล้วและผู้เล่นคิดว่าไพ่ในมือของตนเองนั้นไม่สามารถสู้เจ้ามือได้แน่นอน ซึ่งผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืนครึ่งหนึ่ง
เมื่อใดควรยอมแพ้?
- ควรยอมแพ้เมื่อเจ้ามือได้ไพ่ Soft 17 เท่านั้น เพราะโอกาสที่เจ้ามือจะจั่วไพ่เพิ่มแล้วได้ 19, 20 หรือ 21 แต้ม มีสูงมาก ๆ
กลยุทธ์แบล็คแจ็คขั้นสูง
หากคุณเป็นผู้เล่นที่มากประสบการณ์และมั่นใจในทักษะการเล่นแบล็คแจ็คของตนเองมากพอสมควร เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ ‘กลยุทธ์การนับไพ่’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ขั้นสูงที่เซียนพนันใช้กัน
กลยุทธ์การนับไพ่สามารถใช้ได้จริงหรือไม่ในการเล่นแบล็คแจ็ค
กลยุทธ์การนับไพ่สามารถใช้ได้จริง 100% เป็นการทำให้เปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบของเจ้ามือลดต่ำลงและทางคาสิโนจะถือว่านี่เป็นการโกง ถ้าหากคุณนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ในบ่อนบางบ่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปหรือลาสเวกัสแล้วทางบ่อนจับได้ คุณมีโอกาสถูกเชิญออกจากบ่อนหรือถูกจับส่งตำรวจได้ทุกเมื่อ
แต่ถึงกระนั้น คุณสามารถใช้กลยุทธ์นี้ในคาสิโนออนไลน์และไม่มีใครสามารถจับคุณได้ถ้าหากคุณแอบนับไพ่!
จะนับไพ่ได้อย่างไรในการเล่นแบล็คแจ็ค
ง่าย ๆ แค่คุณสามารถจดจำไพ่ที่ออกไปแล้วให้ได้และนับไพ่ที่เหลืออยู่ในสำรับไว้ในใจ ซึ่งโดยปกติแล้วแบล็คแจ็ค 1 โต๊ะจะใช้ไพ่ทั้งหมด 2-7 สำรับหรือ 42-416 ใบ ดังนั้น คาสิโนส่วนใหญ่จะเลือกใช้ไพ่ทั้งหมด 7 สำรับเพื่อป้องกันมิให้ผู้เล่นสามารถจดจำและนับไพ่ได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นระดับหัวกะทิ มีไอคิวสูงเกิน 200+ และมีความจำเป็นเลิศ คุณก็สามารถนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ได้สบาย ๆ
ควรเลือกใช้กลยุทธ์แบล็คแจ็คกลยุทธ์ไหน
ดูเหมือนว่าแบล็คแจ็คจะเป็นเกมคาสิโนที่มีกลยุทธ์น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับกลยุทธ์ของรูเล็ต ถึงกระนั้น ใช่ว่ากลยุทธ์ทั้งหมดจะเหมาะสมกับผู้เล่นทุกคนและสามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์
ควรใช้กลยุทธ์ใดหากเป็นมือใหม่แบล็คแจ็ค
หากคุณเป็นผู้เล่นมือใหม่ เราขอแนะนำให้คุณทำการฝึกฝนในโหมดเดโม่ก่อนเพื่อศึกษากฎและวิธีการเล่นแบล็คแจ็คให้เข้าใจ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกเข้าใจและมั่นใจในฝีมือแล้ว คุณก็ค่อยไปเล่นเกมแบล็คแจ็คด้วยเงินจริงและใช้กลยุทธ์ดังนี้
- จั่วเมื่อได้แต้มไพ่ 2-17 แต้มและอยู่รอเมื่อได้แต้มไพ่ 18 แต้มขึ้นไป
- เพิ่มเงิน 2 เท่าเมื่อได้ไพ่เอซ + J, Q หรือ K หรือ 19-20 แต้มเท่านั้นเพราะคุณมีโอกาสชนะเจ้ามือสูงมาก
ควรใช้กลยุทธ์ใดหากคุณเป็นผู้เล่นแบล็คแจ็คมือโปร
แน่นอนว่าถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นมือโปร คุณสามารถใช้กลยุทธ์การนับไพ่ได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถจดจำไพ่ 7 สำรับได้ทั้งหมด และในกรณีที่คุณจะใช้กลยุทธ์นี้ในบ่อนคาสิโน คุณจะต้องนับไพ่ในใจและไม่แสดงท่าทีว่าคุณกำลังนับไพ่อยู่เพราะคุณมีโอกาสที่จะถูกบ่อนคาสิโนจับได้
กลยุทธ์แบล็คแจ็คใดมีโอกาสชนะมากที่สุด
ทุกกลยุทธ์มีโอกาสชนะได้ทั้งหมด ถึงกระนั้น กลยุทธ์การนับไพ่มีโอกาสชนะมากที่สุดเพราะเป็นการลดเปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบของเจ้ามือให้ต่ำลง
ข้อผิดพลาดที่ผู้เล่นแบล็คแจ็คมือใหม่ควรระวัง
หากคุณเป็นผู้เล่นมือใหม่และยังมีประสบการณ์ในการเล่นเกมแบล็คแจ็คน้อยอยู่ โปรดตระหนักถึงข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอซึ่งมีดังต่อไปนี้
- ไพ่เอซมีค่า 1 แต้มก็จริง แต่เมื่อผู้เล่นได้ไพ่เอซรวมกับไพ่ J, Q หรือ K แล้วจะมีค่าเป็น 11 แต้ม อย่าเผลอจั่วไพ่เพิ่มเป็นอันขาด
- ไพ่เอซมีค่า 1 แต้มก็จริง แต่ถ้าหากเจ้ามือได้ไพ่เอซ + ไพ่ 6 จะเปลี่ยนเป็น Soft 17 ทันที
- หากผู้เล่นได้ J, Q หรือ K ทั้ง 2 ใบให้หยุดรอและเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทันที อย่าเผลอจั่วเพิ่มหรือแบ่งไพ่
- ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะยอมแพ้ได้เมื่อเจ้ามือเปิดไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือแล้วเท่านั้น ไม่สามารถยอมแพ้ได้หลังจากนั้น
- หากเจ้ามือได้ Soft 17 ผู้เล่นควรจะยอมแพ้เพราะเปอร์เซ็นต์ความได้เปรียบของเจ้ามือจะเพิ่มสูงขึ้นและโอกาสที่ผู้เล่นจะชนะเจ้ามือนั้นมีน้อยมาก ๆ